กิจกรรมนอกห้องเรียน

วันจันทร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

เกาะสมุย

เกาะสมุย



 เกาะสมุย เป็นเกาะที่อยู่กลางอ่าวไทยโดยเป็นอำเภอๆ หนึ่งของจังหวัดสุราษฎร์ธานี เดิมมีชื่อเสียงในฐานะแหล่งปลูกมะพร้าว แต่ปัจจุบันได้พัฒนาเป็นสถานที่ตากอากาศที่มีร้านค้า โรงแรม และสถานบันเทิงมากมาย โดยเกาะสมุยนั้นมีเนื้อที่ทั้งหมด 247 ตารางกิโลเมตร พื้นที่ 1 ใน 3 ของเกาะเป็นที่ราบแล้วล้อมรอบด้วยภูเขา ลักษณะภูมิอากาศเป็นแบบมรสุมเขตร้อน มี 3 ฤดู คือ ฤดูฝน เริ่มตั้งแต่เดือนพฤษภาคม-ตุลาคม ฤดูหนาวเริ่มเดือนพฤศจิกายน-มกราคม เป็นช่วงที่มีลมมรสุม และฤดูร้อนตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์-เมษายน ซึ่งคลื่นลมสงบ

สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจในเกาะสมุย
          หาดเฉวง


  เป็นชายหาดที่มีชื่อเสียงที่สุดของเกาะสมุย มีความยาวประมาณ 6 กิโลเมตร หาดทรายมีลักษณะขาวสะอาดและมีห้องพักไว้บริการนักท่องเที่ยวมากมาย อีกหาดที่น่าสนใจก็คือ หาดละไม เป็นชายหาดที่มีชื่อเสียงรองลงมาจากหาดเฉวงโดยจะมีระยะทางสั้นกว่า แต่น้ำทะเลจะใสมากจนมองเห็นปลาว่ายอยู่ในน้ำจึงเหมาะสำหรับการว่ายน้ำ 

           หาดตลิ่งงาม 

เป็นหาดที่อยู่ถัดไปในทางทิศใต้ของท่าเรือเฟอร์รี่ เป็นหาดขึ้นชื่อในการชมพระอาทิตย์ตกที่สวยที่สุดบนเกาะ เนื่องจากด้านหน้าของหาดเป็นที่ตั้งของเกาะสี่เกาะห้า ในเวลาที่ดวงอาทิตย์ตก จะสามารถมองเห็นภาพของดวงอาทิตย์ตกลงระหว่างกลางเกาะทั้งสอง และจมหายไปในทะเลเป็นภาพที่สวยงามมาก ในช่วงเย็นหาดแห่งนี้จึงเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ในช่วงกลางวันยังสามารถเช่าเหมาเรือเพื่อเดินทางไปยังเกาะสี่-เกาะห้า ดำน้ำชมปะการัง หรือจะเลือกพักผ่อนด้วยการตกปลาก็ยังได้

           หาดละไม 

หาดแห่งนี้เป็นหาดขึ้นชื่อ ด้วยความสวยของโค้งอ่าว ที่มีทิวมะพร้าวปลูกอยู่เป็นแนว ในบางช่วงของหาดระดับน้ำลึก คลื่นแรง แหล่งท่องเที่ยวขึ้นชื่อบนหาดแห่งนี้ ได้แก่ ศูนย์วัฒนธรรมวัดละไมและหินตา หินยาย โขดหินรูปร่างประหลาดบริเวณอ่าวละไม ซึ่งเล่ากันว่ามีตา-ยายชาวปากพนังคู่หนึ่งเดินทางด้วยเรือใบไปจังหวัดประจวบคีรีขันธ์เพื่อจะไปสู่ขอผู้หญิงให้กับลูกชาย แต่เมื่อเรือแล่นมาถึงแหลมละไมเกิดพายุใหญ่จนเรือล่มทำให้ตาและยายเสียชีวิต แล้วคลื่นก็ซัดขึ้นมาเกยที่หาดจนกลายเป็นหินอย่างในปัจจุบันนี้ 

          สวนผีเสื้อสมุย

ที่มีลักษณะเป็นสวนหินที่เต็มไปด้วยต้นไม้และดอกไม้นานาพรรณ และเป็นสวนพฤกษศาสตร์ที่รวบรวมไว้ซึ่งพันธุ์ไม้ไทย พืชสมุนไพร และไม้ป่านานาชนิดจากทุกภาคของประเทศ โดยจะมีผีเสื้อบินในแต่ละวันนับหมื่นๆ ตัว ส่วนแหล่งท่องเที่ยวอื่นที่น่าสนใจ ได้แก่ น้ำตกหินลาดและน้ำตกหน้าเหมือง, ศูนย์ลิงสมุย, เกาะแตน, ฟาร์มงูพังกา รวมถึงแหล่งดูปะการังต่างๆ เป็นต้น

          น้ำตกหน้าเมือง

เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ที่เป็นที่ชื่นชอบแก่ผู้ที่ต้องการพักผ่อนและต้องการเปลี่ยน บรรยากาศมาเล่นน้ำจืดบนเกาะ การเดินทางมาเที่ยวชมน้ำตกแห่งนี้นับว่ามีความสะดวก มีถนนเข้าถึงน้ำตก และอยู่ห่างจากท่าเรือหน้าทอนเพียงแค่ 14 กิโลเมตร และเมื่อเดินทางมาถึงน้ำตกก็จะได้พบกับลานกว้าง มีที่นั่งพักผ่อนหย่อนใจ ตลอดจนร้านอาหารและร้านจำหน่ายของที่ระลึกให้บริการ หลังจากนั้นก็จะได้พบกับน้ำตกหน้าเมือง 1 ซึ่งจัดว่าเป็นน้ำตกขนาดไม่ใหญ่นัก มีความสูงประมาณ 15 เมตร สายน้ำจะไหลลงมารวมกันเป็นแอ่งขนาดใหญ่ เหมาะแก่การเล่นน้ำเป็นอย่างยิ่ง สำหรับผู้ที่ชอบความสมบุกสมบันในการเดินทาง ก็สามารถเดินเท้าเข้าไปชมน้ำตกหน้าเมือง 2 ซึ่งมีขนาดใหญ่ สวยงาม แต่กระแสน้ำจะค่อนข้างไหลแรง

ที่มา
http://travel.kapook.com/view14939.html
 

วันเสาร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

น้ำตกขุนพอง

               น้ำตกขุนพอง


  หมู่ 1 บ้านศรีฐาน ต.ศรีฐาน
           อ.ภูกระดึง  จ.เลย
เป็นน้ำตกที่อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติภูกระดึง มีขนาดใหญ่เกิดจากลำธารหลายสายมาบรรจบกัน เกิดเป็นสายน้ำหลั่งไหลผ่านซอกหินลงมาสู่แอ่งน้ำด้านล่าง เกิดเป็นละอองน้ำฟุ้งกระจายทั่วบริเวณสร้างความประทับใจแก่ผู้พบเห็น อยากที่ลงเล่นน้ำสัมผัสกับบรรยากาศเย็นสบายเลยทีเดียว แต่ช่วงฤดูแล้งระหว่างดือนพฤศจิกายน-เดือนมิถุนายนแต่ละปี น้ำจากธารน้ำตกไม่ค่อยมีเยอะมาก บริเวณโดยรอบรายล้อมด้วยทิวไม้เขียวขจีให้เกิดความร่มรื่น เหมาะแก่การเข้าพักผ่อนหย่อนใจแบบสบายๆ เลย จุดเด่นอีกอย่างหนึ่งบริเวณน้ำตกแห่งนี้นั่นคือ ความสวยงามของ เมเปิลจะเปลี่ยนสีและผลัดใบสร้างเสน่ห์ให้แก่ผู้มาเยือนเสมอ ถือว่าเป็นสัญลักษณ์อีกอย่างหนึ่งของภูกระดึงที่ท่านไม่ควรพลาด




การเดินทาง
จากตัวเมืองใช้ทาง หลวงหมายเลข 201 (เลย-ภูกระดึง) แยกขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 2019 บริเวณกิโลเมตรที่ 276 ประมาณ 8 กิโลเมตร จะถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติ

ที่มา

วันพฤหัสบดีที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

น้ำตกตาดหมอก

         น้ำตกตาดหมอก



น้ำตกตาดหมอกเป็นน้ำตกที่มีความสวยงามมาก ลักษณะเป็นชั้นๆ ลดหลั่นลงมาทั้งหมด 12 ชั้น ตั้งอยู่หมู่ที่ 6 ตำบลนาป่า ห่างจากอำเภอเมืองประมาณ 37 กิโลเมตร การเดินทางจากหน้าศาลากลางจังหวัด ใช้ถนนเพชรเจริญ ผ่านบ้านเฉลียงลับ ระยะทางประมาณ 14 กิโลเมตร จากนั้นใช้เส้นทางสายห้วยใหญ่ บ้านน้ำร้อน จนมาบรรจบกับทางหลวงหมายเลข 2275 จากจุดนั้นเลี้ยวขวาไปอีกประมาณ 300 เมตร จะเห็นทางเข้าน้ำตกอยู่ด้านซ้ายมือ เลี้ยวซ้ายไปตามไหล่เขาประมาณ 20 กิโลเมตร แล้วเดินเท้าอีกประมาณ 1,800 เมตรจะถึงบริเวณน้ำตก 



 ที่มา
http://travel.sanook.com/666321/น้ำตกตาดหมอก/

สามเหลี่ยมทองคำ

         สบรวก - สามเหลี่ยมทองคำ 


ตรงจุดบรรจบของลำน้ำรวกและแม่น้ำโขง ซึ่งเป็นบริเวณที่แม่น้ำรวกจากพม่าไหลลงสู่แม่น้ำโขง ก่อนแม่น้ำทั้งสองจะบรรจบกัน ลำน้ำได้ขนาบแผ่นดินของประเทศพม่าให้แคบลงๆ จนกลายเป็นแหลมเล็กๆ บริเวณนี้จึงเป็นจุดที่แผ่นดินของสามประเทศมาพบกัน คือ ไทย พม่า และลาว เรียกชื่อกันว่าสบรวก เป็นจุดที่มีทัศนียภาพที่สวยงาม มีอากาศดีเพราะเป็นที่โล่งกว้างสามารถมองเห็นแม่น้ำโขงและแม่น้ำรวก ซึ่งมีสีแตกต่างกันอย่างชัดเจน 



แนวตะเข็บชายแดนรอยต่อสามประเทศ คือ ไทย พม่า ลาว มีภูมิประเทศเป็นเทือกเขาสลับซับซ้อน ในอดีตมีชนกลุ่มน้อย และกองกำลังติดอาวุธอาศัยอยู่หลายกลุ่ม พื้นที่แถบนี้เป็นที่รับรู้อย่างกว้างขวางว่าเป็นแหล่งปลูกฝิ่น และผลิตยาเสพติดแหล่งใหญ่ มีโรงงานผลิตเฮโรอีนกระจายอยู่ตามตะเข็บชายแดน การลำเลียงฝิ่นใช้คาราวานลัดเลาะไปตามไหล่เขา มีกองกำลังคุ้มกัน ราคาซื้อขายยาเสพติดว่ากันว่าแลกเปลี่ยนด้วยทองคำ ในน้ำหนักที่เท่ากัน  ยางข้นเหนียวของฝิ่นดิบจึงถูกเรียกว่า ทองดำ ส่วนพื้นที่แถบนี้ก็ถูกขนานนามว่า "สามเหลี่ยมทองคำ" เมื่อตำนานสามเหลี่ยมทองคำปิดฉากลง จากการที่รัฐบาลไทยทำการปราบปรามอย่างจริงจัง มีการผลักดันกองกำลังติดอาวุธออกจากพื้นที่ สามเหลี่ยมทองคำในปัจจุบันจึงเหลือเพียงความสวยงามที่เชื้อเชิญนักท่อง เที่ยวจากทุกมุมโลกให้มาเที่ยวชม
สามเหลี่ยมทองคำ เป็นชื่อใหม่ที่ตั้งขึ้นเพื่อการท่องเที่ยวให้แก่บ้านสบรวก ตำบลเวียงอำเภอเชียงแสน อยู่ห่างจากอำเภอแม่สาย 28 กิโลเมตร ตามทางหลวงหมายเลข 1290 เมื่อมองจากฝั่งไทยไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ จะเห็นหมู่บ้านในฝั่งลาวอย่างชัดเจน ส่วนทางพม่าซึ่งอยู่ด้านตะวันตกนั้น ไม่มีหมู่บ้านหรือสิ่งก่อสร้างให้เห็นในระยะใกล้ๆ ทิวทัศน์ของแม่น้ำโขงบริเวณนี้มีความงดงามโดยเฉพาะยามเช้าที่ดวงอาทิตย์ขึ้น ท่ามกลางสายหมอกด้านฝั่งพม่า และลาว นักท่องเที่ยวนิยมนั่งเรือเที่ยวชมทิวทัศน์จุดบรรจบของพรมแดนไทย ลาว และพม่า หรือถ้าต้องการชมทิวทัศน์สองฝั่งแม่น้ำโขงไปไกลถึงเชียงแสนและเชียงของ ก็สามารถหาเช่าเรือได้ แต่ค่าเรือขึ้นอยู่กับระยะทางใกล้ไกล นักท่องเที่ยวที่สนใจล่องแม่น้ำโขงไปเที่ยวทางตอนใต้ของประเทศจีน เช่น สิบสองปันนา คุนหมิง สามารถติดต่อกับบริษัทนำเที่ยวในจังหวัดเชียงรายได้ หากต้องการจะชมทิวทัศน์มุมกว้างของสามเหลี่ยมทองคำบริเวณสบรวกและเพื่อนบ้าน ต้องขึ้นไปบนดอยเชียงเมี่ยง สบรวกด้านที่อยู่ริมแม่น้ำโขง มีร้านจำหน่ายของที่ระลึกเรียงรายสองข้างทาง มีซุ้มประตูเขียนว่า สามเหลี่ยมทองคำ สำหรับนักท่องเที่ยวได้ถ่ายภาพเป็นที่ระลึก และเป็นจุดหมายหนึ่งของการมาเที่ยวเชียงราย

ที่มา
http://www.pg-fishing.com/travel/41.html 

น้ำตกพลิ้ว

         น้ำตกพลิ้ว, จันทบุรี


    เป็นที่เที่ยวสำคัญในเขต อุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้วซึ่งได้รับความนิยมมากที่สุดแห่งหนึ่งของจังหวัด เมื่อครั้งที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จประพาสน้ำตกนี้ ทรงยกย่องว่าเป็นน้ำตกที่งดงามที่สุด ในบรรดาน้ำตกที่พระองค์เคยประพาส บริเวณรอบน้ำตกมีอลงกรณ์เจดีย์และพีระมิดพระนางเรือล่มอันเป็นประวัติศาสตร์หน้าหนึ่งของเมืองจันท์ นอกจากนี้ยังมีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติที่ดีที่สุด









    ประวัติ: อุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว เดิมชื่อ อุทยานแห่งชาติ เขาสระบาป ได้รับการประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติเมื่อปี พ.ศ. 2518 และเปลี่ยนมาเป็นชื่อปัจจุบันในปี พ.ศ. 2525 พื้นที่อยู่ในบริเวณเทือกเขาสระบาป ซึ่งมียอดสูงสุดคือยอดเขามาบหว้ากรอก สูง 924 ม. จากระดับน้ำทะเล ภายในอุทยานฯ พบร่องรอยของสัตว์ป่าสำคัญหลายชนิด เช่น เสือ หมี เลียงผา เก้ง นกนานาชนิด พื้นที่จะค่อย ๆ ลาดลงทางทิศใต้ที่เป็นเขตชุมชน และเนื่องจากมีฝนตกชุกตลอดปี บริเวณนี้จึงเป็นแหล่งต้นน้ำเพื่อผลิตน้ำประปาให้แก่เขต อ.เมือง อ.แหลมสิงห์ และอ. ขลุง
   น้ำตกพลิ้ว ชื่อ "พลิ้ว" บางคนก็ว่ามากจากคำว่าพลิ้วหมายถึงสายน้ำตกที่พลิ้วสวยงาม บ้างก็ว่ามาจากชื่อของต้นพลิ้วที่ชอบขึ้นริมน้ำตก เป็นไม้เถาออกดอกเป็นช่อ ซึ่งทางอุทยานฯ นำมาปลูกไว้ในบริเวณใกล้กับที่ทำการ
  
   
    น้ำตกพลิ้วเกิดจากธารน้ำ 2 สาย สายหนึ่งต้นน้ำไหลลดหลั่นผ่านซอกหินลงมาเป็นทอด ๆ อีกสายหนึ่งเป็นธารน้ำขนาดเล็กกว่าสายแรก ทั้งสองสายทิ้งตัวมาบรรจบกันก่อนทิ้งตัวจากผาสูง 20 ม. ลงสู่แอ่งน้ำขนาดใหญ่ น้ำใสสะอาด สามารถลงเล่นน้ำได้ ก่อนถึงตกน้ำตกเป็นวังน้ำนิ่งที่ใสสะอาด มีฝูงปลาพลวงนับร้อยตัว นักท่องเที่ยวนิยมมาให้อาหารปลา ซึ่งทางอุทยานฯ อนุญาตเฉพาะอาหารที่เป็นพืชผักเท่านั้น


ที่มา
http://www1.mod.go.th/heritage/nation/nationalpark/index11.htm 

บ่อน้ำร้อนแม่จอก

                     บ่อน้ำร้อนแม่จอก 


 
อำเภอ
อำเภอวังชิ้น

ประเภทการท่องเที่ยว
ท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ 


รายละเอียด
บ่อน้ำร้อนแม่จอก อยู่ในโรงเรียนแม่จอกอยู่ขวามือ บริเวณสนามหน้าโรงเรียนจะมีบ่อน้ำแร่กระจัดกระจายอยู่ทั่วไป ในเนื้อที่กว้างประมาณ 10 ไร่ การเดินทาง อุทยานฯ นี้อยู่ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 68 กิโลเมตร ใช้ทางหลวงหมายเลข 101 จากตัวจังหวัด เมื่อเลยอำเภอเด่นชัยไป 10 กิโลเมตร แยกขวาเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 11 เส้นทางสายแพร่-ลำปาง ไปอีกประมาณ40 กิโลเมตร ถึงทางแยกเข้าอำเภอวังชิ้น เลี้ยวซ้ายไปอีกประมาณ 13 กิโลเมตร และเลี้ยวขวาไปที่ทำการอุทยานฯ อีกประมาณ 1.5 กิโลเมตร ถึงที่ทำการอุทยานฯ รถโดยสารประจำทาง จากเมืองแพร่ นั่งรถ บขส.สีเขียว สาย 169 ลงทางแยกแม่แขม จากนั้นต่อรถรับจ้างวิ่งที่ผ่านทางหลวงหมายเลข 11 และเหมารถต่อเข้ามาส่งที่อุทยานฯ 


การเดินทาง
ตั้งอยู่ในเขตบ้านแม่จอก หมู่ 5 ตำบลแม่ป้าก การเดินทาง ไปตามเส้นทางสายลอง-วังชิ้น ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 68 กิโลเมตร ใช้ทางหลวงหมายเลข 101 

ที่มา
http://www.phrae.go.th/Tourist/Wangchin-maejok.htm 

วันเสาร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

เมืองคำชะโนด

                  เมืองคำชะโนด


                 
 
                          ลักษณะพื้นที่โดยรอบเป็นเกาะ มีต้นชะโนด เกิดขึ้นรวมกันอยู่ เป็นกลุ่มประมาณ 20 ไร่ เป็นต้นไม้ชนิดที่หายากมาก ในประเทศไทย   ประกอบด้วยต้นมะพร้าว ต้นหมาก และต้นตาล รวมกันเป็นต้นชะโนด ภายในป่าชะโนดยังมีบ่อน้ำศักดิ์สิทธ์อยู่ตรงกลางเกาะ เรียกว่า บ่อคำชะโนด เป็นน้ำใต้ดินที่พุ่งไหลซึมตลอดเวลา ทางจังหวัดได้เลือกน้ำจากบ่อนี้ไปร่วมในพิธีสำคัญเสมอ นอกจากนี้ยังมีศาลเจ้าพ่อพระยาศรีสุทโธ   ที่ชาวบ้านให้ความเคารพนับถือ ในความศักดิ์สิทธิ์เป็นอย่างยิ่ง  ตามเรื่องเล่าสืบต่อกันมาว่า เป็นพญานาคราช ที่อาศัยอยู่ในเมืองบาดาล และใช้เมืองคำชะโนดแห่งนี้ เป็นที่ขึ้นลงติดต่อระหว่างเมืองบาดาลกับเมือง มนุษย์ และยังมีเรื่องราวของความศักดิ์สิทธิ์น่าอัศจรรย์ของสถานที่นี้ ให้เป็นที่เล่าขานแก่ชาวเมืองคำชะโนด
                           การเดินทางจากอุดรธานีไปได้ 2 เส้นทาง คือเส้นทางสายอุดร-หนองคาย เลี้ยวขวาตรง ทางแยกบ้านนาข่า ตามทางหลวงหมายเลข 2255    ถึงสามแยกบ้านสุมเส้าแล้ว เลี้ยวขวา ไป        อ. บ้านดุง    ต่อไปหมู่บ้านสันติสุข ถึงวัดศิริสุทโธ อีกประมาณ 12 กม .
หรือใช้เส้น ทางอุดร-สกลนคร ประมาน 45 กม. แล้วเลีย้วซ้ายแยกบ้านหนองแม็ก ไป อ. บ้านดุง อีกประมาณ 40 กม . แล้วไปหมู่บ้านสัติสุขถึงวัด ศิริสุทโธอีกประมาณ 12 กม.